ครีมยกกระชับผิวหน้า CURMIN LIFT Anti aging

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผสมสารสกัดจากธรรมชาติ
 CURMIN LIFT Anti-aging
     CURMIN LIFT Anti aging ผสมผสานสารสำคัญชั้นเลิศ ได้แก่ Sericin -สารสกัดจากไหมธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโน พร้อมด้วย THC Liposome จากขมิ้นชัน Vitamin E Liposome ที่มีคุณสมบัติ antioxidant ช่วยไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย Sodium Hyaluronate และ Ceramide ที่เพิ่มความชุ่มชื้นคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
     CURMIN LIFT Anti aging จึงมีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้า รักษาความชุ่มชื้นนุ่มนวลให้ผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดริ้วรอย ช่วยยกกระชับ เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหน้าที่ลดลงตามวัย เติร่องลีกของผิวหน้าอย่างได้ผล ริ้วรอยลดลงภายใน 4 สัปดาห์* และเห็นผลอย่างชัดเจนว่าผิวกระชับขึ้นภายใน 8 สัปดาห์*ฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้ผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้น


* จากผลการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครอายุ 25 - 65 ปี จำนวน 30 คน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ 

 CURMIN LIFT Anti-aging Eye Cream
          ครีมบำรุง ลดเลือนริ้วรอย และรอยหมองคล้ำรอบดวงตา อุดมด้วยสารสกัดจากไหม (Sericin)  THC Liposome อนุภาคขนาดเล็กในระดับนาโนเมตร สำหรับการดูแลรักษาผิวรอบดวงตาตามขั้นตอนการบำรุงผิว ที่ต้องไม่ละเลยรอบดวงตา
CURMIN LIFT Anti-aging Serum
          เพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุง กระชับผิวหน้า และลดเลือนริ้วรอย ด้วยเนื้อเซรั่มบางเบา ซึมซาบ สู่ผิวหน้าได้อย่างรวดเร็ว  ไม่ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า ไม่เยิ้ม นิยมใช้เสริมกับครีมบำรุงผิวตามปกติ โดยทาเซรั่มก่อน แล้วจึงทาครีมที่ใช้ประจำวัน
CURMIN LIFT Anti-aging Day cream
          ครีมบำรุงผิวหน้า   สำหรับปกป้องผิวเวลากลางวัน  ผสมสารป้องกันแสงแดด SPF 15  เนื้อครีมซึมสู่ผิวหน้าอย่างล้ำลึก
CURMIN LIFT Anti-aging Night Cream

          ครีมบำรุงผิวหน้า สำขึ้นหรับการบำรุงผิวในเวลากลางคืน เนื้อครีมดูดซึมสู่ผิวอย่างล้ำลึก เก็บกักความชุ่มชื้นของผิวหน้าให้ดียิ่ง

***วางจำหน่ายที่ GPO Shop ทุกสาขา/ CURMIN Shop ทุกสาขา /www.gpoproduct.com
หรือคลิ๊กสั่งได้ตามลิงก์นีh
https://www.facebook.com/messages/CURMINbyGPO
LINE ID : gpocurmin

การวิจัยและพัฒนาตำรับยาสมุนไพรแก้น้ำเหลืองเสีย - ภายใต้ GPO Brand - จีพีโอ ไฟโทเพล็กซ์ แคปซูล


งานวิจัยสารสกัดขมิ้นชัน






การพัฒนาและวิจัยพรมมิ สมุนไพรบำรุงความจำ

การศึกษาพัฒนาพรมมิเพื่อใช้เป็นสมุนไพรบำรุงความจำ
The development of Brahmi as memory enhancer
ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ประจำปี 2548-52

กรกนก อิงคนินันท์1 วธู พรหมพิทยารัตน์1  พรนรินทร์ เทพาวราพฤกษ์2  จินตนาภรณ์ วัฒนธร3 สุทิสา ถาน้อย2
นันทีทิพ ลิ้มเพียรชอบ1   สุภาพร ชื่นชูจิตร2 ธนศักดิ์ เทียกทอง1 อรสร สารพันโชติวิทยา1 สุธิรา เลิศตระกูล2
วราภรณ์ ภูตะลูน4 ศักดิ์ชัย วิทยาอารีย์กุล1 จารุภา วิโยชน์1 นิวัติ เทพาวราพฤกษ์2 สุภาพร มัชฌิมปุระ3
กรองกาญจน์ ชูทิพย์2  ศราวุฒิ อู่พุฒินันท์1 พูนศรี รังสีศจี3  ดำรงศักดิ์ เป๊กทอง1 สีวบูรณ์ สิรีรัฐวงศ์5

 1คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 2คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
3คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 4คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
5คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของประชากรโลกเพิ่มมากขึ้น อัตราส่วนของคนสูงอายุกับคนหนุ่มสาวก็เพิ่มขึ้น โรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทและความทรงจำ เช่น โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)  เป็นโรคเรื้อรังและเป็นสาเหตุให้คุณภาพชีวิตของประชากรสูงอายุน้อยลง ยาหรือสมุนไพรที่จะสามารถนำมารักษาหรือบรรเทาอาการโรคที่เกิดจากการเสื่อมนี้ จึงมีความสำคัญทั้งทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ สมุนไพรที่มีศักยภาพในการนำมาใช้เพื่อบำรุงสมอง บำรุงความจำ ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด ได้แก่ ginkgo และโสม ซึ่งเป็นพืชที่ไม่สามารถปลูกได้ในประเทศไทย คณะผู้วิจัยจึงได้จัดทำโครงการศึกษาพัฒนาพรมมิเพื่อใช้เป็นสมุนไพรบำรุงความจำ ซึ่งทางคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้ให้การสนับสนุนในการทำวิจัยมาแล้วเป็นเวลา 4 ปี (ปีงบประมาณ 2548-2552)
พรมมิมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bacopa monnieri Wettst  อยู่ในวงศ์ Scrophulariaceae เป็นพืชสมุนไพรที่พบในเมืองไทยและประเทศแถบเอเชีย พรมมิใช้เป็นยาสมุนไพรในตำราอายุรเวทของอินเดียสำหรับช่วยเพิ่มความจำ บำรุงสมอง มีสารออกฤทธิ์เป็นสารกลุ่ม saponins ซึ่งแบ่งเป็นสองกลุ่มย่อย คือ jujubogenin glycosides และ pseudojujubogenin glycosides มีรายงานการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพรมมิต่อระบบทางสรีรวิทยาหลายระบบ โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนกลางและความจำ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสมุนไพรพรมมิในการเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยาสมุนไพรบำรุงความจำ บำรุงสมอง









ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาพัฒนาสมุนไพรพรมมิเพื่อใช้เป็นสมุนไพรบำรุงความจำ ทั้งในด้าน การพัฒนาการปลูก การศึกษาทางเคมี การสกัด การพัฒนาวิธีการวิเคราะห์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรพรมมิ การศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดพรมมิในทางเภสัชวิทยาทั้งในระดับหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง การศึกษาทางพิษวิทยา จนถึงการทดลองทางคลินิก   ซึ่งจะกล่าวรายละเอียดการศึกษาแต่ละด้านดังนี้
การศึกษาการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพรมมิ
คณะผู้วิจัยได้ศึกษาการเพาะปลูกพรมมิโดยศึกษาผลกระทบของฤดูกาล และอายุของพรมมิต่อปริมาณ saponins ในส่วนต่างๆของพรมมิ เช่น ยอด ลำต้น ราก และใบ จากผลการทดลองพบว่าในพรมมิมีปริมาณสาร saponins สูงในฤดูฝน ในขณะที่มีน้ำหนักแห้งสูงสุดในฤดูร้อน ส่วนยอดจะมีปริมาณสาร saponins สูง กว่าส่วนล่างของต้นและส่วนราก เมื่อเปรียบเทียบปริมาณสาร saponins ในพรมมิช่วงอายุ 1-4 เดือน พบว่าพรมมิที่อายุแตกต่างกันให้ปริมาณ saponins ในพรมมิไม่แตกต่างกันมาก ผลการวิจัยนี้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวเพื่อในได้ปริมาณผลผลิตของพรมมิและปริมาณ saponins ที่สูง

การศึกษาทางเคมีและการควบคุมมาตรฐานวัตถุดิบ
ในการศึกษานี้ คณะผู้วิจัยได้ทำการควบคุมมาตรฐานวัตถุดิบและสารสกัดพรมมิ และพัฒนาการวิเคราะห์สาร saponin glycosides ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในพรมมิโดยใช้ HPLC นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังพัฒนาใช้เทคนิคทางอิมมูนวิทยาในการตรวจวัดสารกลุ่ม saponins ในพรมมิ โดยผลิต monoclonal และ polyclonal antibody ที่จำเพาะต่อสาร saponin glycosides ในพรมมิ โดยสามารถพัฒนาวิธี ELISA ซึ่งวิเคราะห์สาร saponins ในพรมมิได้ในระดับนาโนกรัมต่อมิลลิลิตร
การพัฒนาสารสกัดและผลิตภัณฑ์ยาเม็ดพรมมิ
คณะผู้วิจัยได้พัฒนาวิธีการสกัด ได้สารสกัดที่มีกลุ่มสาร saponins สูง ซึ่งได้ทำการจดอนุสิทธิบัตรแล้ว สารสกัดพรมมิที่ผลิตขึ้นใช้ในการทดลองทั้งหมดในการศึกษานี้ สารสกัดนี้ มีความคงตัวที่อุณหภูมิ 5,  40 และ 60 °C ในเวลาไม่น้อยกว่า 28 วัน เมื่อเก็บสารสกัดพรมมิภายใต้อุณหภูมิไม่เกิน 25 °C มีความคงตัวไม่ต่ำกว่า 12 เดือน จากนั้น คณะผู้วิจัยได้ผลิตภัณฑ์ยาเม็ดขนาด 300 มก ที่มีคุณสมบัติทางกายภาพที่เหมาะสมและมีความคงตัวดี 


การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ผลของพรมมิต่อการเรียนรู้และความจำ
ในการศึกษาผลของสารสกัดพรมมิต่อการเรียนรู้และการป้องกันเซลล์ประสาทของสัตว์ทดลอง พบว่าเมื่อให้สารสกัดพรมมิขนาด 20, 40 และ 80 mg/kg BW ในหนูแรทเพศผู้ เป็นเวลา 14 วัน หนูมีการเรียนรู้และความจำดีขึ้น  นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังได้ศึกษาผลของสารสกัดพรมมิในสัตว์ทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดสภาวะความจำบกพร่อง ด้วยการฉีด scopolamine (0.6 mg/kg BW) เข้าช่องท้องหรือโดยการผูกหลอดเลือด common carotid artery ในหนูถีบจักร โดยให้สารสกัดพรมมิขนาด 4, 40 และ 80 mg/kg BW เป็นเวลาติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ก่อนสมองถูกทำให้บกพร่อง พบว่าพรมมิทุกขนาดสามารถป้องกันการสูญเสียความจำได้ นอกจากนี้ สารสกัดพรมมิยังป้องกันการสูญเสียความจำในหนูแรทที่ถูกชักนำให้เกิดภาวะความจำเสื่อมด้วยการฉีด AF 64A ซึ่งเป็นสารที่ทำลาย cholinergic neuron   และในหนูแรทที่ถูกทำลายสมองด้วยสารเคมี kainic acid
คณะผู้วิจัยพบว่าสารสกัดพรมมิมีฤทธิ์ปกป้องเซลล์ประสาท ในหนูแรทเพศผู้ที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรพรมมิ (ขนาด 4, 40, 80 mg/kg BW) ก่อนการได้รับ beta amyloid เทียบกับหนูกลุ่มควบคุมและกลุ่มที่ได้รับ beta amyloid เพียงอย่างเดียว พบว่าสัตว์ทดลองในกลุ่มที่ได้รับสารสกัดพรมมิทั้ง 3 ขนาด ก่อนการได้รับ beta amyloid มีการตายของเซลล์ประสาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ beta amyloid เพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นสัตว์ทดลองกลุ่มที่ได้รับ beta amyloid มีจำนวน NMDA receptor cell ในสมองส่วน frontal cortex เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งจำนวนของ NMDA receptor cells นี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรพรมมิ ผลการทดลองในสัตว์ทดลองนี้สอดคล้องกับการศึกษาสารสกัดพรมมิต่อการป้องกันเซลล์ประสาท จากอันตรายที่เกิดจาก beta amyloid ในเซลล์สมองหนูเพาะเลี้ยง ซึ่งพบว่าสารสกัดพรมมิมีฤทธิ์ป้องกันเซลล์ประสาทได้
จากการศึกษาฤทธิ์ปกป้องเซลล์ประสาทของสารสกัดพรมมิ โดยใช้เซลล์สมองเพาะเลี้ยง พบว่าสารสกัดพรมมิสามารถปกป้องเซลล์ประสาทที่ถูกทำลายด้วย beta amyloid  แต่ไม่สามารถปกป้องเซลล์ที่ถูกทำลายด้วย glutamate   กลไกของสารสกัดพรมมิต่อการเรียนรู้และความจำ คือการลด lipid peroxidation และต้านการทำงานของ acetylcholinesterase (AChE) 
เมื่อศึกษาเปรียบเทียบผลของสารสกัดพรมมิกับสารสกัดจากใบแปะก๊วย และยา donepezil  ต่อพฤติกรรมการเรียนรู้และความจำของหนูแรทที่แก่ตามธรรมชาติ  ผลการทดลองหลังจากป้อนสารสกัดหรือยาติดต่อกันนาน 3 เดือน พบว่า หนูแก่ที่ได้รับสารสกัดพรมมิ (40 มก./กก.) มีการเรียนรู้และความจำเกี่ยวกับสถานที่ และความสามารถในการจดจำสิ่งของได้ดีพอๆ กับหนูแก่ที่ได้รับสารสกัดจากใบแปะก๊วย (60 มก./กก.) และกลุ่มที่ได้รับยา donepezil (1 มก./กก.) และดีกว่าหนูแก่กลุ่มควบคุมที่ได้รับเฉพาะน้ำกลั่นอย่างมีนัยสำคัญ 
ผลของพรมมิต่อระบบภูมิคุ้มกัน
                คณะผู้วิจัยได้ศึกษาผลของสารสกัดพรมมิต่อระบบภูมิคุ้มกันในหลอดทดลอง พบว่าสารสกัดพรมมิมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของหนูถีบจักร โดยยับยั้งการแบ่งตัวของ splenocytes ซึ่งเป็นผลรวมของการกดการแบ่งตัวของ B-lymphocytes และกระตุ้นการแบ่งตัวของ T-lymphocytes
ผลของพรมมิต่อระบบหัวใจหลอดเลือด
จากการศึกษาพบว่าสารสกัดพรมมิมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว โดยออกฤทธิ์ผ่านทั้ง smooth muscle cells และ endothelium กลไกการออกฤทธิ์เกี่ยวข้องกับการสร้าง nitric oxide และ prostacyclin ตลอดจนการยับยั้งการเคลื่อนที่ของแคลเซียมเข้าสู่เซลล์ แต่ไม่ได้เกิดจากการต้านฤทธิ์ a1-receptor agonist และไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของแคลเซียมภายในเซลล์
ผู้วิจัยได้ศึกษาผลของพรมมิต่อการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนโลหิตบนผิวเปลือกสมอง ความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ ของหนูแรทที่ได้รับสมุนไพรโดยการกินติดต่อกันนาน 2 เดือน โดยศึกษาเปรียบเทียบกับผลของสารสกัดแปะก๊วย (Ginkgo biloba) จากผลการวิจัยเมื่อให้สารสกัดพรมมิ (40 mg/kg BW) หรือ สารสกัดแปะก๊วย (60 mg/kg BW) ทางปากเป็นเวลานานติดต่อกัน 2 เดือน พบว่าทั้งสารสกัดพรมมิและสารสกัดแปะก๊วยมีผลเพิ่มการไหลเวียนโลหิตบริเวณหลอดเลือดแดงบนเยื่อหุ้มสมอง โดยมีประสิทธิภาพเท่าๆกัน  และสารสกัดพรมมิไม่มีผลทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นหัวใจของหนูแรทเปลี่ยนแปลงไป
การศึกษาทางพิษวิทยา
                คณะผู้วิจัยทำการศึกษาพิษของสารสกัดพรมมิในหนูแรท โดยป้อนสารสกัดทางปากขนาด 2 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวครั้งเดียว พบว่าไม่มีหนูตายภายหลัง 2 สัปดาห์ แสดงให้เห็นถึงค่า LD50 ของสารสกัดพรมมิที่ใช้ในกลุ่มทดสอบมีค่ามากกว่า 2g/kg ซึ่งบ่งบอกถึงความปลอดภัยของสารสกัดพรมมิที่ใช้ในการทดสอบ เช่นเดียวกับผลของ sub-chronic toxicity ที่ไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้นกับหนูแรทภายหลังจากได้รับสารสกัดพรมมิในปริมาณ 4, 40 และ 80 mg/kg BW เป็นระยะเวลา 100 วัน นอกจากนี้ ในการศึกษา chronic toxicity ในหนูขาว โดยป้อนสารสกัดพรมมิขนาด 30, 60, 300 และ 1,500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวเป็นเวลา 270 วัน ประเมินอาการ พฤติกรรมและสุขภาพสัตว์ พบว่าไม่มีความผิดปกติใดๆเช่นกัน



การศึกษาทางคลินิก
คณะผู้วิจัยได้ศึกษาผลของพรมมิในอาสาสมัครวัยกลางคนและสูงอายุ (อายุมากกว่า 55 ปี) จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้ยาหลอก และ ได้สารสกัดพรมมิขนาด 300 และ 600 มกต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า สารสกัดพรมมิ เพิ่มคุณภาพชีวิตโดยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว เพิ่มการตื่นตัวต่อสิ่งเร้า มีสมาธิมากขึ้น เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความจำ คลายอาการซึมเศร้า นอกจากนี้ จากการศึกษาระดับเอนไซม์ในอาสาสมัคร พบว่าอาสาสมัครที่บริโภคสารสกัดจะมีการกดการทำงานของ AChE ตลอดจนเพิ่มการทำงานของ superoxide dismutase (SOD), catalase (CAT) และ glutathione peroxidase (GPx)แต่ลดระดับ malondialdehyde (MDA) ใน serum ดังนั้นสารสกัดพรมมิจึงน่าจะออกฤทธิ์เพิ่ม working memory โดยการเพิ่มระดับ ACh และ ลดระดับ oxidative stress ทำให้เพิ่ม working memory จากการศึกษายังไม่พบอาการพิษและภาวะข้างเคียงใดๆในอาสาสมัคร
การศึกษาอันตรกิริยาต่อยาของพรมมิ
การศึกษาผลของสารสกัดพรมมิต่อการทำงานของเอนไซม์ไซโตโครม P450 (CYP) ในตับหนูและในมนุษย์โดยวิธีการ in vitro พบว่าสารสกัดพรมมิมีผลต่ำในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP1A2, CYP2C, CYP2E1 และ CYP3A จึงประเมินได้ว่ามีโอกาสน้อยที่สารสกัดพรมมิในขนาดปกติจะก่อให้เกิดอันตรกิริยากับยาแผนปัจจุบันที่อาศัยเอนไซม์ดังกล่าวในการเปลี่ยนแปลงเพื่อการขจัดออกจากร่างกาย
สรุป
คณะผู้วิจัยสามารถพัฒนาวิธีการสกัด และการควบคุมคุณภาพของสารสกัดพรมมิ ได้สารสกัดที่มีมาตรฐานและมีความคงตัว รวมทั้งได้ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของวัตถุดิบพรมมิ เมื่อนำไปศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่าสารสกัดพรมมิที่ได้ มีผลกระตุ้นความจำและการเรียนรู้ในสัตว์ทดลอง นอกจากนี้ ยังพบว่าสารสกัดที่ได้มีฤทธิ์ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ประสาทอีกด้วย ส่วนการทดสอบพิษ พบว่าสารสกัดพรมมิในขนาดที่ใช้ ไม่มีพิษต่อสัตว์ทดลอง คณะผู้วิจัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรมมิ  และศึกษาประสิทธิภาพการบำรุงความจำของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในมนุษย์ พบว่าเมื่ออาสาสมัครอายุมากกว่า 55 ปี ได้รับผลิตภัณฑ์พรมมิขนาด 300 และ 600 มก ต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน อาสาสมัครมีความสามารถในการเรียนรู้และมีความจำเพิ่มขึ้น โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆ
ในเดือนกันยายน พศ. 2554 งานวิจัยนี้ ได้ถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังองค์การเภสัชกรรม และทางองค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรมมิได้ในเดือนมกราคม พศ. 2557 และได้ดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายแก่ประชาชนได้ในเดือนกันยายน พศ. 2557 ในชื่อ จีพีโอพรมมิ ชนิดเม็ด
 




ผลงาน
อนุสิทธิบัตร        
กรรมวิธีการเตรียมสารสกัดที่มีซาโปนินสูงจากพรมมิ เลขที่ 4018 คุ้มครองสิทธิตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2551- 28 มกราคม 2556  ผู้ประดิษฐ์:  รศ. ดร. กรกนก อิงคนินันท์ และ ดร. วธู พรหมพิทยารัตน์
ผลงานตีพิมพ์
1. Phrompittayarat, W., Putalun, W., Tanaka, H., Wittaya-areekul, S., Jetiyanon, K., and Ingkaninan, K. (2007) An enzyme-linked immunosorbant assay using polyclonal antibodies against bacopaside I. Anal. Chim. Acta. 584:1-6.
2. Phrompittayarat, W., Putalun, W., Tanaka, H., Wittaya-areekul, S., Jetiyanon, K., and Ingkaninan, K. (2007) Determination of pseudojujubogenin glycosides from Brahmi based on immunoassay using a monoclonal antibody against bacopaside I. Phytochem. Anal. 18: 411-418.
3 Phrompittayarat, W., Putalun, W., Tanaka, H., Jetiyanon, K., Wittaya-areekul, S., and Ingkaninan, K. (2007) Comparison of various extraction methods of Bacopa monnieri  Naresuan University Journal. 15:29-34.
4. Kamonwannasit, S., Putalun, W., Phrompittayarat, W. Ingkaninan, K., Tanaka, H. (2007) Production of Pseudojujubogenin from callus cultures of Bacopa monnieri (L.) Wettst. IJPS. 3: 53-59.
5. Phrompittayarat, W., Wittaya-areekul, S., Jetiyanon, K., Putalun, W., Tanaka, H., and Ingkaninan, K. (2007) Determination of saponin glycosides in Bacopa monnieri by reversed phase high performance liquid chromatography. Srinakharinwirot Journal of Pharmaceutical Sciences. 2: 26-32.
6. Limpeanchob N., Jaipan S., Rattanakaruna, S., Phrompittayarat  W., Ingkaninan K. (2008) Neuroprotective Effect of Bacopa monnieri on beta-amyloid-induced cell death in primary cortical culture. J. Ethnopharmacol.  119:214-217.
7. Saraphanchotiwitthaya A., Ingkaninan K., Sripalakit P. (2008) Effect of Bacopa monniera Linn. extract on murine immune response in vitro. Phytother Res. 22:1330-1335.
8. Phrompittayarat, W., Wittaya-areekul, S., Jetiyanon, K., Putalun, W., Tanaka, H., and Ingkaninan, K. (2008) Stability studies of saponins in Bacopa monnieri dried ethanolic extracts. Planta Med. 74:1756-1763.
9. Imsungnoen N., Phrompittayarat W., Ingkaninan K., Tanaka H., Putalun W. (2009) Immunochromatographic assay for the detection of pseudojujubogenin glycosides. Phytochem Anal. 20:64-7.
10. Uabundit, N., Wattanathorn, J., Mucimapura, S., Ingkaninan, K. (2010) Cognitive enhancement and neuroprotective effects of Bacopa monnieri in Alzheimer's disease model. J. Ethnopharmacol. 127: 26-31.
11. Tothiam, C., Phrompittayarat, W., Putalun, W., Tanaka, H., Sakamoto, S., Khan, I.A., Ingkaninan, K. (2011) An enzyme-linked immunosorbant assay using monoclonal antibody against Bacoside A3 Phytochem Anal. 22:385-391
12. Kamkaew, N., Scholfield C.N., Ingkaninan, K., Maneesai P., Tarec, M., Parkington, H., Chootip, K. (2011) Bacopa monnieri and its constituents is hypotensive in anaesthetised rats and vasodilator in various artery types. J. Ethnopharmacol. 134:790-795.
13. Kamkaew N., Scholfield N.C., Ingkaninan K., Taepavarapruk N., Chootip K. (2012) Bacopa monnieri increases cerebral blood flow in rat independent of blood pressure. Phytother Res. In press.
14. Peth-Nui T., Wattanathorn J., Muchimapura S., Tong-Un T., Piyavhatkul N., Rangseekajee P., Ingkaninan K., Vittaya-Areekul S. (2013) Effects of 12-week Bacopa monnieri consumption on attention, cognitive processing, working memory, and functions of both cholinergic and monoaminergic systems in healthy elderly volunteers. Evid Based Complement Alternat Med. In press.








ข้อมูลผลิตภัณฑ์ 
จีพีโอพรมมิ ชนิดเม็ด - GPO Brahmi Tablets

   



         
ประเภทผลิตภัณฑ์   ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม
ส่วนประกอบสำคัญ  สารสกัดพรมมิ 300 mg
ขนาดบรรจุ           60 เม็ด
ขนาดรับประทาน    ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง
การวิจัยและพัฒนา  คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร องค์การเภสัชกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีมาผลิตในระดับอุตสาหกรรม
สรรพคุณทางยา -ตำรายาไทย ขับโลหิต แก้ไข้ ขับพิษร้อน ขับเสมหะ บำรุงกำลัง บำรุงประสาท
-ตำราอายุรเวทอินเดีย ช่วยเพิ่มความจำ บำรุงสมอง
ส่วนที่ใช้          ส่วนเหนือดิน    
การศึกษาทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยา
1.       ศึกษาทางเภสัชวิทยาต่อการเรียนรู้และความจำในสัตว์ทดลองพบว่าป้องกันการสูญเสียความทรงจำได้
2.       ศึกษาทางพิษวิทยา ศึกษาพิษเฉียบพลัน พิษกึ่งเรื้อรัง และพิษเรื้อรัง ในสัตว์ทดลอง - พบว่าปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดพิษเรื้อรัง
3.       ศึกษาทางคลินิก – กลุ่มตัวอย่าง อายุมากกว่า 55 ปี จำนวน 60 คน ระยะเวลาในการศึกษา 3 เดือนพบว่าสารสกัดพรมมิมีศักยภาพในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุโดยมีผลเพิ่มสมรรถภาพทางกายผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว เพิ่มสมรรถภาพด้านจิตใจทำให้เพิ่มการตื่นตัวต่อสิ่งเร้า มีสมาธิเพิ่มขึ้น เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความจำได้ดีขึ้น ไม่พบอาการพิษและภาวะข้างเคียง  




  
เคอร์มิน ลิฟท์ แอนติเอจจิ้ง เดย์ครีม/ไนท์ครีม 
  CURMIN Lift anti-aging  DayCream /Night Cream

เคล็ดลับคืนความอ่อนเยาว์ ยกกระชับผิวหน้า ตึงกระชับ ลดริ้วรอย
ประกอบด้วยสารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหน้าอันได้แก่

: สารแอนติเอจจิ้ง (Anti-aging agents) ได้แก่ เซราไมด์ 2(Ceramide 2) ปาล์มมิโตอิล โอลิโกเปปไทด์ (Palmitoyl Oligopeptide) ปาล์มมิโตอิล ไกลซีล (Palmitoyl glycine) เซริซีน (Sericin) ช่วยให้หน้าตึงกระชับ ลดริ้วรอย
: สารแอนติออกซิแดนซ์ (Antioxidants) ได้แก่ ทีเอช ซี ไลโปโซม (Tetrahydrocurcuminoids liposome) และ วิตามินอีไลโปโซม (Vitamin E liposome)
: สารมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizers) ได้แก่ กลีเซอรีน (Glycerin) เซริซิน (Sericin) เลซิติน (Lecithin) โซเดียม ไฮยาลูโรเนต (Sodium hyaluronate) ช่วยเพิ่มความชุ่มขื้นนุ่มนวลให้กับผิวหน้า
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ และความพึงพอใจในผู้หญิงไทย อายุ 25-60 ปีจำนวน 32 คน จากการใช้ Curmin Lift Anti-aging day cream วันละ 1 ครั้งพบว่า*
-    มากกว่า 90% ของอาสาสมัคร พึงพอใจในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
-    ความตึงกระชับผิวหน้า (Skin Elasticty) ของอาสาสมัคร เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 8.8% และริ้วรอยโดยรวมลดลง 37.4% ภายใน 2 เดือน
วิธีใช้ : แตะครีมบางๆ ลูบไล้ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ หลังทำความสะอาดผิวหน้าในเวลาเช้า
คำแนะนำ : เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นควรใช้คู่กับ เคอร์มิน ลิฟท์  แอนติเอจจิ้ง ไนท์ครีม
การเก็บรักษา : เก็บในที่เย็น ให้พ้นแสงแดด
คำเตือน : หลีกเลี่ยงการเข้าตา หากมีอาการระคายเคืองหรือมีผื่นแดง หยุดใช้ทันที หากอาการไม่ลดลง โปรดปรึกษาแพทย์ หรือโทร 1648 (Call center) 



มี 2 ขนาดบรรจุ 15 g และ 50 g
ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่รู้จักกันมานาน มีสรรพคุณแก้อาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย และโรคกระเพาะอาหาร แต่ที่จริงในขมิ้นชันมีสารสกัดเคอร์คูมินอยด์ ใช้แก้อาการปวดข้อจากโรคข้อเสื่อมได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ
เคอร์คูมินอยด์จะลดอาการปวดจากข้ออักเสบ (ข้อเสื่อม) ได้ โดยไปช่วยยับยั้งการสร้างเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบทั้งหลาย มีงานศึกษาวิจัยในการรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม พบว่าสารสกัดขมิ้นชัน ในขนาดรับประทานครั้งละ 2 แคปซูล 3 ครั้งต่อวัน (วันละ 1,500 มก) เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ทำให้เกิดผลดีในการรักษาและอาการข้างเคียงพอๆกับการใช้ยา Ibuprofen ที่ใช้บรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบ
สารสกัดขมิ้นชัน จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ปวดข้อจากข้อเสื่อม อีกทางหนึ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติค่ะ
GPO CURMIN Capsule 250 mg 30 แคปซูล ราคา 270.-
***ผลิตภัณฑ์คุณภาพของ ‪#‎องค์การเภสัชกรรม‬***
วางจำหน่ายที่ GPO Shop ทุกสาขา/CURMIN Shop ทุกสาขา
https://www.facebook.com/messages/CURMINbyGPO
LINE ID : gpocurmin